Wikipedia

ผลการค้นหา

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เทศกาลวันคริสต์มาส







วันคริสต์มาส (Merry Christmas)




image

วันคริสต์มาส (Merry Christmas)
25 ธันวาคม ของทุกปี

ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลที่สำคัญเทศกาลหนึ่งของชาวคริสต์ เทศกาลสำคัญที่ว่านี้คือ เทศกาลคริสต์มาส ซึ่งเป็นเทศกาลฉลองการประสูติของพระคริสต์เทศกาลคริสต์มาสจะจัดขึ้นในวันที่ 24 และ 25 ธันวาคมของทุกปี ในบางประเทศคริสต์มาสอาจจะเริ่มก่อนหน้านั้นประมาณหนึ่งเดือน ช่วงเวลานี้เรียกว่า “แอดเวนท์” (มาจากภาษาลาติน แปลว่า “กำลังมา”) และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 6 มกราคมซึ่งเป็นวันที่นักปราชญ์สามคนที่มาจากทิศตะวันออกนำของขวัญมามอบแก่พระกุมารเยชู ด้วยเหตุนี้ในคืนวันที่ 6 มกราคม จึงเป็นคืนแห่งการมอบของขวัญในหลาย ๆ แห่งของโลก
และเมื่อวันคริสต์มาสอันเป็นวัดสุดยอดของเทศกาลมาถึง การเฉลิมฉลองก็จะเริ่มขึ้น ในช่วงเทศกาลนี้บ้านเรือนจะถูกตกแต่งให้สดใสอบอุ่นด้วยต้นคริสต์มาสที่ประดับประดาเอาไว้อย่างสวยงาม ที่ใต้ต้นคริสต์มาสจะมีของขวัญวางเรียงไว้มากมาย ประตูบ้านและขอบเตาผิงจะถูกตกแต่งด้วยหรีดกิ่งสนและฮอลลีในเดนมาร์กมีการประดับกิ่งเบริร์ชด้วยผลแอปเปิ้ลสีแดงผลเล็ก ๆ และคนแคระตังจิ๋วที่เรียกว่า “พิสเชอร์” ในนอรเวและสวีเดนมีการทำสัตว์ตัวเล็ก ๆ จากฟางแล้วผูกด้วยริบบิ้นสีแดง
เมื่อพูดถึงอาหารในวันคริสต์มาสจะมีอาหารพิเศษมากมายทั้งไก่งวงที่แสนอร่อย เนื้ออบก้อนโตซอสแครนเบอร์รรี ขนมพาย พุดดิง เค้กและคุกกี้เป็นร้อย ๆชนิด ที่ฝรั่งเศษมีการทำเค้กพิเศษเป็นรูปขอนไม้รสชาติเข้มข้นที่เรียกว่า บุช เดอ โนแอล (ขอยไม้คริสต์มาส)และหลังจากอาหารค่ำที่แสนวิเศษผ่านไปนาทีอันน่าระทึกใจก็มาถึงนั่นก็คือการแกะของขวัญนั่นเอง คริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งความสุขที่มีเรื่องให้พูดถึงไม่รู้เบื่อ สำหรับใครก็ตามที่กำลังจะฉลองเทศกาลนี้ก็ขอให้มีความสุขมาก ๆ
                    ทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี จะมีการฉลองรื่นเริงในหมู่คริสต์ศาสนิกชนทั่วโลก กิจกรรมในวันนี้มีแต่สิ่งที่น่ารื่นรมย์ไม่ว่าจะเป็นการกินเลี้ยง แลกของขวัญ แต่งบ้านด้วยต้นคริสต์มาส ร้องเพลงคริสต์มาส ไปจนถึงเอาถุงเท้าไปแขวนรอซันตาคลอสผู้อารีย์นำของขวัญมาใส่ไว้ให้
วันคริสต์มาสมีความสำคัญคือ เป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาของศาสนาคริสต์ พระเยซูเป็นชาวยิว ประสูติในประเทศปาเลสไตน์ ซึ่งเดิมตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศใกล้เคียงมาเป็นเวลาช้านาน มีนักปราชญืชาวยิวหลายท่านพยากรณ์ว่า วันหนึ่งข้างหน้าจะมีพระบุตรของพระเจ้าเสด็จลงมาปลดแอกชาวยิวให้ได้รับอิสระภาพในที่สุดวันนั้นก็มาถึง เมื่อพระเยซูประสูติที่หมู่บ้านเบธเลเฮม แคว้นยูดา มารดาของพระองค์ชื่อมาเรีย (ซึ่งเรารู้จักในนามแม่พระ) บิดาชื่อโยเซฟมีอาชีพเป็นช่างไม้
พระเยซูทรงพระปรีชาสามารถมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์สามารถโต้ตอบกับพระชาวยิวในด้านศาสนาได้อย่างฉะฉาน ชีวิตในตอนต้นของพระองค์ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายทรงมีอาชีพเป็นช่างไม้ช่วยบิดา จนพระชนมายุราว 30 พรรษา จึงเสด็จออกประกาศคำสอนและทรงรักษาคนป่วยประเภทต่าง ๆเช่น คนตาบอด ง่อยเปลี้ย ให้กลับเป็นปกติดังเดิม
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลกเช่นเดียวกับศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ



Christmas-tree

ต้นคริสต์มาสในสมัยโบราณ “ต้นคริสต์มาส” หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบ ผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่ หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ ที่หาง่ายที่สุด ในประเทศ เหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ ทุกวันนี้ …..นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวของดาวิดที่ยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด นี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวของดาวิดไว้ที่สุดยอด ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกอยู่มาก แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ ก็ยังนิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่า มีความหมายถึงพระเยซูเจ้า ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต? ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึง นิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และนอกจากนั้นยังหมายถึง ความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึง ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูเจ้าประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น


image

ซานตาคลอส
                          ซานตาคลอสที่เรารู้จักตคุ้นเคยและเห็นภาพดังที่พรรณนามาตั้งแต่ตอนต้น เพิ่งมีกำเนิดขึ้นมาเมื่อไม่เกิน 200 ปีนี้เอง กลุ่มชนที่สร้างเรื่องราวของวันซาคลอส จนกลายเป็นตำนานสำคัญส่วนหนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส คือ ชาวอเมริกันเชื้อสายดัตช์รุ่นบุกเบิกนั่นเอง
ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับซานตาคลอสเริ่มขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 มีเด็กชายคนหนึ่งเกิดในหมู่บ้านไมรา ซึ่งสมัยก่อนโน้น ตั้งอยู่ระหว่างเกาะโรดส์กับไซปรัส แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านเดมรี มีบ้านเรือนตั้งเรียงรายบนสันทรายใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เด็กชายผู้เกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ มีชื่อว่า “นิโคลัส” ชีวิตของเขาอยู่บนกองเงินกองทองเพราะพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย ไม่ช้าไม่นานพ่อแม่ก็ถึงแก่กรรม ทรัพย์สินจึงตกเป็นของเขาเพียงผู้เดียว แต่น่าแปลกที่นิโคลัสกลับมีใจโอบอ้อมอารีต่อคนยากคนจน ชอบแจกสมบัติช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากจนกลายเป็นขวัญใจของคนทุกเพศทุกวัย
ครั้งนั้นก้อยังมีครอบครัวของชายชราคนจนครอบครัวหนึ่ง กำลังมีปัญหาด้วยบุตรสาวทั้งสามต้องการแต่งงาน แต่ไม่มีเงินจัดพิธีให้สมเกียรติก่อนคนสุดท้อง ครอบครัวนี้จึงตกอยู่ในความทุกข์อย่างหนัก
แต่เมื่อนิโคลัสทราบข่าว จึงนำทองคำใส่ถุง 2 ถุง แอบย่องเข่าไปวางไว้ในบ้านของชายยากจนยามดึกสงัด ทำให้ 2 สาวได้จัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตสมความปรารถนา ต่อมาก็ถึงเวลาของบุตรสาวคนสุดท้องนิโคลัสก็นำถุงทองแอบมาหย่อนลงทางปล่องไฟในยามราตรี เหตุที่ต้องใช้ปล่องไฟเพราะคืนนั้นหน้าต่างปิดสนิท
จากพฤติกรรมของนิโคลัสเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่เด็ก ๆ ในสมัยต่อมา แอบนำของขวัญวางไว้ที่เตียงนอนของลูก ๆ ในตอนกลางคืน แล้วบอกว่า ซันตาคลอสนำของขวัญมามอบให้กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่ยกย่องซันตาคลอสให้ฝังอยู่ในจิตสำนึกของเด็ก ๆ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันและนี่ก็คือ ตำนานความเป็นมาของ กำเนิดซานตาคลอส ” บิดาแห่งวันคริสต์มาส “นั่นเอง
เมื่อชาวดัตช์บางกลุ่มอพยพมาอยู่ในอเมริกาก็นำเอาความเชื่อถือศรัทธาในนักบุญนิโคลัสติดมาด้วย ยังมีการเฉลิมฉลองวันเซนต์นิโคลัสกันทุก ๆ ปี ในเดือนธันวาคม และในที่สุดก็ได้มีการดัดแปลงผสมผสานเข้ากับความเชื่อถือของชาวอเมริกันเชื้อสายอื่น ๆ ทางแถบตะวันออกของอเมริกาตำนานเซนต์โคลัสก็เลยมาผูกโยงกับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส “ซินเตอร์คลาส” ของชาวดัตช์ซึ่งต่อมาได้กร่อนกลายเป็น“ซานตาคลอส” ก็มีบทบาทและหน้าที่สำคัญ คือ แจกของขวัญแก่เด็ก ๆ ในตอนเช้าตรู่ของทุกวันคริสต์มาสดังที่รู้ ๆ กันอยู่

image

ทั้งนี้ ภาพซานตาคลอส ภาพแรกที่ปรากฏเป็นชายแก่ใจดี เคราขาวพุงพลุ้ย ใส่เฟอร์โค้ทตัวหนาสีแดงขลิบขาว หอบข้าวของพุรุงพะรังเช่นที่เราคุ้นเคยกันนั้น เป็นฝีมือการวาดจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ผสมผสานกับจินตนาการส่วนตัวของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า “โธมัส แนสท์” ภาพแรกของซานตาคลอสนี้ปรากฏเป็นครั้งแรกในนิตยสาร harper’s illustrated weekly ปี พ.ศ.1863
ต่อมาเรื่องราวของซานตาคลอสก็แพร่กระจายไปสู่คริสต์ศาสนิกชนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จนกระทั่งหลาย ๆ ประเทศสามารถสร้างตำนานที่มีรายละเอียดแบบเอ็กซ์ลูซีฟเกี่ยวกับซันตาคลอสเป็นของตนเอง เช่น ซานตาคลอสประเทศฟินแลนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด ซานตาคลอสมีบ้านและออฟฟิศอยู่ที่เมืองโรวานีมี เป็นเมืองท่องเที่ยวเป็นที่รู้จักกันดี อยู่ในเขตแลปแลนด์ แคว้นหนึ่งของประเทศฟินแลนด์
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าซานตาคลอสจะอยู่ที่ไหน จะเป็นของชาติใด แก่นแท้ หรือสปิริตของความเป็นซานตาคอลสก็คือ ความรัก ความเมตตา กรุณา และความสดใสร่าเริง ซึ่งเป็นของสากลสำหรับมนุษย์ทุกชาติทุกภาษาและทั่วทุกหนทุกแห่ง


วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

โครงงาน
ฟักทองสังขยา

เสนอ
ครูสุคนธ์ ปวงดอกจี๋
จัดทำโดย
               1.นางสาวสุภัทรา ธาราคีรี          เลขที่ 6
  2.นางสาวสุนิสา ศรีคีรีราษฎร์    เลขที่ 7
 3.นายชัชวาลย์ คีรีราษฎร์ตระกูล   เลขที่ 9
    4.นางสาวสุวิมล รุ่งรัตน์อาชา     เลขที่ 16
   5.นางสาวพรทิพย์ วิรัตนาโชค    เลขที่ 23
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2

โครงงานเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนเซนต์โยเซฟแม่ระมาด










โครงงานเรื่อง    ฟักทองสังขยา
 ผู้จัดทำ            1.นางสาวสุภัทรา ธาราคีรี เลขที่ 6
                         2.นางสาวสุนิสา ศรีคีรีราษฎร์ เลขที่ 7
                        3.นายชัชวาลย์ คีรีราษฎร์ตระกูล เลขที่ 9
                        4.นางสาวสุวิมล รุ่งรัตน์อาชา เลขที่ 16
                       5.นางสาวพรทิพย์ วิรัตนาโชค เลขที่ 23
ระดับชั้น      มัธยมศึกษาปีที่ 6/2
ครูที่ปรึกษา   ครูสุคนธ์ ปวงดอกจี๋
โรงเรียน       โรงเรียนเซนต์โยเซฟแม่ระมาด เลขที่ 271 ถนนแม่ระมาด-ท่าสองยาง              ตำบลแม่ระมาด อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก รหัสไปรษณีย์ 63140
บทคัดย่อ
             ในปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่ได้มีการประกอบอาชีพและความสนใจในด้านการทำขนมและอาหารไทย กลุ่มของข้าพเจ้าจึงมีความสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ศึกษากับผู้รู้ทำให้รู้ว่าการทำขนมชนิดนี้ทำมาจากอะไร นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบที่หาได้ง่ายตามท้องตลาดและตามธรรมชาติด้วย เช่น ฟักทอง ไข่เป็ด ใบเตย และขั้นตอนไม่ยุ่งยากและสามารถทำขายเป็นรายได้หลักหรือรายได้เสริมก็ได้ รวมไปถึงการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย อุปกรณ์ที่ใช้คือ หม้อนึ่ง ตะหลิว เตา เป็นต้น ขั้นตอนการทำ เจาะช่องด้านบนของฟักทอง แล้วคว้านเม็ดฟักทองออกให้หมดและนำไปล้างน้ำให้สะอาดจากนั้นคว่ำทิ้งไว้เพื่อให้น้ำแห้ง ตอกไข่ใส่ชามผสมแล้วตีให้เข้ากันใส่กะทิลงไป คนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลปิ๊บ เกลือป่น และใส่ใบเตยลงไปใช้ใบเตยบีบไปเรื่อยๆจนน้ำตาลละลายและส่วนผสมเข้ากันดีนำส่วนผสมที่ได้กรองผ่านกระชอนใส่ลงในฟักทอง (เหลือระยะห่างจากขอบประมาณ 1 นิ้ว) แล้วนำไปนึ่งประมาณ 45นาที หรือจนสังขยาสุก ตัดแบ่งเป็นชิ้น จากนั้นก็สามารถนำมารับประทานได้
          ผลที่ได้รับคือได้สืบทอดภูมิปัญญาในท้องถิ่นโดยการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและสุดท้ายคือ ยังได้รับความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพและแนวทางการนำไปสู่การดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข



กิตติกรรมประกาศ
            ในการจัดทำโครงงานเรื่อง ฟักทองสังขยา ครั้งนี้ลำพังผู้กลุ่มผู้ศึกษาเองไม่อาจทำสำเร็จได้ เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถและการได้รับการถ่ายทอดขั้นตอนกระบวนการทำอย่างละเอียด โครงการนี้จึงสำเร็จลงได้ด้วยดี คณะผู้ศึกษาต้องขอขอบคุณคณะครูที่ใช้ความช่วยเหลือ แนะนำ การแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆเป็นอย่างดีจากครูที่ปรึกษาโครงงาน ครูสุคนธ์ ปวงดอกจี๋ และที่สำคัญยิ่งจะขาดเสียไม่ได้คือ ครูดารารัตน์ มรุตบริสุทธิ์ ที่เป็นครูฝึกสอนถ่ายทอดในการศึกษาการทำฟักทองสังขยา คณะผู้จัดทำจึงขอขอบพระคุณทุกท่านอย่างสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือให้กลุ่มผู้ศึกษาทำโครงงานสำเร็จได้ด้วยดีมา ณ. โอกาสนี้

                                                                                                              

                                                                                                                 คณะผู้จัดทำ
                                                                              




คำนำ
          โครงงานอาชีพเรื่องฟักทองสังขยา จัดทำขึ้นจากกลุ่มคณะผู้ศึกษาได้มองเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น
          จากวัสดุท้องถิ่นที่หาง่ายจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้และสร้างอาชีพได้ดีในชุมชน ฝึกฝนให้นักเรียนได้รับความรู้และทักษะในการประกอบอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่งเสริมให้นักเรียนให้นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
            คณะผู้จัดทำได้ศึกษาได้รวบรวมจัดทำโครงงานชิ้นนี้ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการเผยแพร่ความรู้สำหรับผู้ที่สนใจได้เป็นอย่างดี




                                                                                                     คณะผู้จัดทำ
                                                                                    วันที่ 3 เดือนธันวาคม พ.ศ.2558







สารบัญ

                                                                                                                                       หน้า 

บทคัดย่อ                                                                                    
กิตติมากรรมประกาศ                                                       
บทที่ 1 บทนำ                                                                              1
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง                                                                 3
บทที่ 3 วิธีการศึกษา วัสดุ-อุปกรณ์และขั้นตอนการทำ                                   10
บทที่ 4 ผลการศึกษาค้นคว้า                                                  14
บทที่ 5 สรุปผลและประโยชน์ที่ได้จากการทำโครงงาน                                   18
บรรณานุกรม                                                             19

                                  
                                                                                       




                                                    บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความเป็นมาของโครงงาน
           เนื่องจากในปัจจุบันมีการประกอบอาชีพค้าขายกันเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะการทำขนมหวาน กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ได้พบเห็นจึงสนใจในการทำขนมสังขยาฟักทอง เพื่อเป็นการใช้ประกอบในโครงงานและเพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทยในปัจจุบัน
           ฟักทองสังขยา เป็นขนมในตำนานไทย ซึ่งผู้จัดทำมีความสนใจที่อยากจะเรียนรู้โครงงานการงานอาชีพและเทคโนโลยีประเภทอาหาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสืบทอดภูมิปัญญาในท้องถิ่นและศึกษาขั้นตอนกระบวนการทำขนมโบราณโดยได้คิดค้นหาวิธีการที่จะปรับปรุงทำให้ขนมดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นและเป็นการเสริมรายได้ให้กับนักเรียนที่สนใจในการนำไปประกอบอาชีพที่มั่นคงได้ จาการศึกษาพบว่าฟักทองสังขยาเป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานกันเริ่มตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นการประกอบอาหารที่มีลักษณะให้มีความสมดุลสอดคล้องกับธรรมชาติและชุมชนของตน ผู้เรียนจึงได้รับความรู้ทักษะในการประกอบอาชีพและแนวทางการนำไปสู่การดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ถ้าโครงงานนี้ได้มีการดำเนินการผู้เรียนจะได้รับผลดีเป็นอย่างยิ่ง

วัตถุประสงค์ในการทำฟักทองสังขยา
 1. เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น
 2. เพื่อสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทย
 3. เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ
4. เพื่อศึกษาวิธีการทำสังขยาฟักทอง ขอบเขตในการศึกษาขั้นตอนและกระบวนการทำฟักทองสังขยา


ขอบเขตในการศึกษา
1.ขั้นตอนและกระบวนการทำฟักทองสังขยา
2.การสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทำฟักทองสังขยา


บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

           การศึกษาโครงงานการงานอาชีพและเทคโนโลยีประเภทอาหารเรื่อง ฟักทองสังขยา ในครั้งนี้กลุ่มผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องดังนี้
 1.ฟักทอง
 2.ไข่ไก่/ไข่เป็ด
3.ใบเตย
4.น้ำกะทิ
ฟักทอง
ฟักทอง...มีประโยชน์กว่าที่คิด
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cucurbita moschata Decne.
 ชื่อสามัญ Pumpkin
 วงศ์ CUCURBITACEAE
ลักษณะ : ฟักทองเป็นไม้เถาเลื้อยไปตามดิน มีมือสำหรับยึดเกาะ ลำต้นอวบน้ำ ใบเดี่ยวรูปห้าเหลี่ยม มีขนทั้งสองด้าน ดอกสีเหลืองรูปกระดิ่ง ผลฟักทองมีด้วยกันหลายลักษณะ บางครั้งเป็นผลเกือบกลมก็มี แต่โดยทั่วไปเป็นรูปทรงกลมแป้น ผิวขรุขระเล็กน้อย เมื่อยังดิบเนื้อค่อนข้างแข็ง นอกจากเนื้อของผลฟักทองจะใช้เป็นอาหารแล้ว เมล็ดฟักทองก็ใช้เป็นอาหารว่างได้ด้วย ในประเทศตะวันตก นิยมนำฟักทองมาเจาะเป็นช่อง มีจมูก ตา แล้วใส่เทียน หรือดวงไฟข้างในเพื่อฉลองในวันฮาโลวีน เรียกว่า แจคโอแลนเทิน' (Jack-o'-lantern pumpkin) ฟักทองมีกากใยสูง อุดมด้วยวิตามินเอและสารต่อต้านการผสมกับออกซิเจนกับเกลือแร่ และมี กรดโปรไพโอนิคกรดนี้ทำให้ทำให้เซลล์มะเร็งให้อ่อนแอลงในเนื้อฟักทองมีแคโรทีนและแป้ง ใช้แต่งสีขนมเช่น ขนมฟักทอง ลูกชุบ โดยนำเนื้อนึ่งสุกมายีกับแป้งหรือถั่วกวน
คุณค่าและสารอาหาร
         ฟักทอง เป็นพืชผักที่จัดอยู่ในกลุ่มพืชตระกูลแตง (Cucurbitaceae) ซึ่งได้แก่ ฟักทอง แตงกวา แตงร้าน ฟักแฟง มะระ บวบ แตงโม แคนตาลูป ฯลฯ เป็นพืชผักที่มีราคาถูก มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณและถนอมสายตา นำมาทำอาหารได้หลายชนิด เช่น ยอดอ่อนนำมาลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่แกงเลียง แกงส้มเปรอะ แกงส้ม เป็นต้น เนื้อใช้ทำอาหารได้ทั้งคาว-หวาน ทั้งผัด-แกง-ขนม และใช้เป็นอาหารเสริมในเด็กเล็ก รวมทั้งดัดแปลงมาใช้โรยหน้าหรือปนในขนมต่างๆ ทำให้มีสีสันสวยงาม และมีคุณค่าทางอาหารมากยิ่งขึ้น ในเนื้อฟักทองสด 100 กรัม จะมีคุณค่าทางอาหาร ดังนี้
โปรตีน 1.63
ไขมัน 0.2
กากใย 0.88
คาร์โบไฮเดรต 10.1
วิตามินเอ 2,22   0 หน่วยสากล พลังงาน 48.7 กิโลแคลอรี
ประโยชน์
         ฟักทองเป็นผักที่มีประโยชน์มากอีกชนิดหนึ่ง นอกจากจะใช้เนื้อฟักทองเป็นอาหารแล้ว ยังสามารถใช้เป็นยาได้ด้วยเมล็ดฟักทองก็นำไปคั่วกินเป็นอาหารว่างได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถสกัดน้ำมันจากเมล็ดฟักทองใช้เป็นยาได้อีกด้วย ฟักทองมีวิตามินอยู่หลายชนิดมีรายงานทางการแพทย์พบว่า ฟักทองมีฤทธิ์ป้องกัน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต ทั้งนี้เนื่องจากฟักทองสามารถกระตุ้นการหลั่งของอินซูลินในร่างกาย นอกจากนี้ฟักทองยังช่วยเสริมสมรรถภาพของตับไต และช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์ของตับและไต การใช้ฟักทองทั้งผลใช้เป็นยานั้นเป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว จนพูดกันว่าฟักทองทั้งผลใช้เป็นยาได้ทั้งหมด เพราะทั้งเนื้อ เมล็ด ราก และเครือฟักทอง ( หมายถึงลำต้น ซึ่งเป็นเถาเลื้อย ) ล้วนใช้เป็นยาได้ ฟักทองมีรสหวาน ฤทธิ์อุ่น มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลังลดอาการอักเสบ แก้ปวด และที่สำคัญคือมีฤทธิ์ในการขับพยาธิอีกด้วย มีข้อควรระวังอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือ คนที่กระเพาะร้อน ( คือมีอาการกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง ปัสสาวะน้อย ท้องผูก ถ้าร้อนมากขึ้นไปอีกอาจพบแผลใน ช่องปาก ปากเปื่อย เหงือกบวมแดง ชอบทานน้ำเย็น ) ไม่ควรกินฟักทองให้มาก เพราะฟักทองจัดเป็นยาร้อนแม้คนปรกติเอง ถ้ากินครั้งเดียงมาก ๆ ก็อาจจะทำให้มี อาการท้องอีด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้ สำหรับเมล็ดฟักทองมีไขมันอยู่จำนวนมาก สามารถบีบเอาน้ำมันออกมาได้ใช้เป็นน้ำมันพืช นอกจากนี้ยังมีโปรตีน และวิตามิน บี และ ซี อีกด้วย
ฟักทองเป็นผักที่มีประโยชน์และสามารถนำไปใช้ได้หลายทาง มนุษย์รู้จักปลูกและนำฟักทองไปใช้เป็นเวลานานแล้ว ซึ่งถูกค้นพบในทวีปอเมริกา
สรรพคุณทางยา
        สรรพคุณทางสมุนไพรของฟักทอง เนื้อใช้เป็นยาระบายอย่างอ่อน เยื่อภายในผลใช้พอกแก้ฟกช้ำ แก้ปวด ส่วนเมล็ดที่เคี้ยวกันมัน ๆ นั้นใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะและบำรุงร่างกาย รากนั้น ในตำราโบราณใช้ต้มดื่มน้ำเป็นยาแก้ไอ ฟักทองมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก หากกินทั้งเปลือกก็จะได้คุณค่าเพิ่มขึ้นอีก มีเบต้า-แคโรทีน ที่ช่วยป้องกันมะเร็ง เนื้อฟักทองสามารถควบคุมระดับน้าลในเลือด ควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ ไต รวม ๆ ก็คือ ช่วยควบคุมสมดุลในร่างกายนั้นเอง จะกินของหวาน หรือของคาว ก็มีประโยชน์ทั้งนั้น ว่าง ๆ ก็ไม่รู้จะหาของกินเล่นเป็นอะไร ก็ลองเอาฟักทองสักชิ้นมานึ่ง พอสุกก็เอามาจิ้มน้ำตาล หรือจะกินเปล่า ๆ ยิ่งตอนนี้มีคนเอามาอบกรอบกินเล่น ง่ายและดีต่อร่างกายมากกว่าขนมถุงขนมซองไม่รู้กี่เท่า เมล็ดฟักทองแร่ธาตุฟอสฟอรัส สังกะสีสูง เหล็กรวมทั้งมีโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี สามารถป้องกันการเกิดนิ่ว และใช้เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืด นอกจากนี้ฟักทองยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล เหมาะสำหรับผู้หญิงหลังคลอดบุตร ที่ขาดธาตุฟอสฟอรัส และเสี่ยงกับการเกิดหน้าท้องลาย ฟักทองย่อยง่ายและไม่ค่อยทำให้เกิดอาการแพ้ จึงเหมาะเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็ก จึงไม่ควรที่จะมองข้าม เห็นไหมว่าฟักทองเปี่ยมคุณค่าน่ารับประทานขนาดไหน

ไข่เป็ด
http://radio.prd.go.th/songkhla/images/food/kai1.jpg
คุณค่าโภชนาการของไข่
       ไข่จัดอยู่ในอาหารประเภทโปรตีนประเภทสูง ไข่1ฟองให้โปรตีนประมาณ7กรัม โปรตีนในไข่เป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ มีกรดอะมิโนครบทุกชนิดตามที่ร่างกายต้องการในปริมาณสูง ร่างกายสามารถนำโปรตีนจากไข่ไปใช้ได้ทั้งหมด นอกจากไข่จะมีโปรตีนแล้ว ยังมีเกลือแร่ต่างๆที่สำคัญมากมาย เช่น เหล็ก วิตามินดี และบีสอง


ส่วนประกอบที่สำคัญของไข่
        เปลือกไข่ (egg shell) อาจมีสีน้ำตาลหรือสีขาวขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์แม่ไก่ สีไข่ไม่มีผลใดๆต่อคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด เช่น ไข่ไก่พันธุ์เล็กฮอร์นมีเปลือกสีขาว ส่วนไข่ไก่พันธุ์โรดไอร์แลนด์มีเปลือกสีน้ำตาลในเปลือกไข่จะมีคอลลาเจน(collagen) สานเป็นตัวตาข่าย และมีหินปูน(แคลเซียมคาบอเนต) เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เปลือกแข็ง เปลือกไข่จะมีรูขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหมด อาการศและความชื้นสามารถแรกผ่านรูเล็กๆที่อยู่ในไข่ได้ อากาศจำเป็นสำหรับตัวอ่อนหายใจ เมื่อไข่ออกมาใหม่ๆ จะมีเมือกเคลือบที่เปลือกไข่ด้านบน เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศและน้ำผ่านเข้าไปได้ เปลือกไข่ในช่วงแรกๆจึงมีลักษณะเป็นนวล เมื่อเก็บไว้นานๆ เมือกเหล่านี้จะแห้งไป เปลือกไข่จึงมีอากาศถ่ายเทเข้าออกได้มากขึ้น ทำให้ไข่เสียเร็ว เยื่อหุ้มไข่ มีอยู่ด้วยกัน2ชั้น ชั้นนอกที่ติดเปลือกมีชื่อเรียกว่า shell membrane ชั้นในที่ติดกับไข่ขาวเรียกว่า egg membrane เยื่อชั้นนอกและชั้นในจะชิดกันตลอด แต่แยกกันที่ด้านป้านของไข่ซึ่งมีโพรงอากาศ โพรงอากาศ (air cell) เป็นช่องว่างที่อยู่บริเวณด้านป้านของไข่ อยู่ระหว่างเยื่อ                    หุ้มชั้นนอกและเยื่อหุ้มชั้นใน เมื่อไข่ออกมาใหม่ๆ อุณหภูมิของไข่ยังสูง จึงไม่มีช่องว่าง ต่อเมื่อเมื่อไข่เย็นลง ของเหลวภายในไช่หดตัว ทำให้เกิดเป็นโพรงอากาศขึ้น และถ้าหากมีน้ำระเหยออกไปมาก ก็จะทำให้โพรงอากาศใหญ่ขึ้นด้วย ไข่ขาว (albumen) มีทั้งหมด3ชั้น ไข่ขาวชั้นนอกสุดจะค่อนข้างเหลว อยู่ติดกับเยื่อหุ้มไข่ ถัดมาเป็นไข่ขาวข้น มีปริมาณมากกว่าครึ่งของไข่ขาวทั้งหมด ส่วนชั้นในสุดเป็นไข่ขาวอย่างเหลว ในไข่ขาวประกอบด้วยน้ำและโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ มีไขมันบ้างเล็กน้อย ลักษณะที่เป็นเมือกของไข่ขาวข้น เกิดจากคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ เยื่อหุ้มไข่แดง (Vitelline membrane) มีประโยชน์คือ ช่วยหุ้มไข่แดงเอาไว้โดยรอบ ไข่แดง (Yolk) ไข่แดงจะอยู่กลางฟองโดยการยืดของเยื่อ ที่เป็นเกลียวแข็ง อยู่ด้านหัวและท้ายของไข่แดง และยื่นเข้าไปในไข่ขาว ไข่แดงมีความเข้มข้นมากกว่าไข่ขาว เพราะมีน้ำน้อยกว่า มีไขมันและโปรตีนมากกว่า ในไข่แดงบางฟองอาจมีจุดเลือด มีสาเหตุมาจากเส้นเลือดฝอยในรังไข่ของแม่ไก่แตก ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ทำให้จุดเลือดดังกล่าวกลายเป็นชิ้นเนื้อเล็กๆ ไม่ได้ให้โทษแต่อย่างใด

ใบเตยหอม
http://www.banhealthy.com/wp-content/uploads/2015/06/3.1.jpg

กลุ่มพืชหอม เป็นยาบำรุงหัวใจเตยหอม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pandanus amaryllifolius Roxb.
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวลักษณะแตกกอเป็นพุ่มขนาดเล็ก ลำต้นเป็นข้อ ใบออกเป็นพุ่มบริเวณปลายยอด เมื่อโตจะมีรากค้ำจุนช่วยพยุงลำต้นไว้ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ลักษณะใบยาวเรียวคล้ายใบหอก ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นมัน เส้นกลางใบเว้าลึกเป็นแอ่ง ถ้าดูด้านท้องใบจะเห็นเป็นรูปคล้ายกระดูกงูเรือ ใบมีกลิ่นหอม
ส่วนที่ใช้ : ใบ สรรพคุณ : · ใบสด - ตำพอกโรคผิวหนัง - รักษาโรคหืด - น้ำใบเตย ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น - ใช้ผสมอาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแต่งสีขนม วิธีและปริมาณที่ใช้ : 1. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ใช้ต้น 1 ต้น หรือราก ครึ่งกำมือ ต้มกับน้ำดื่ม 2. ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ใช้ใบสดไม่จำกัดผสมในอาหาร ทำให้อาหารมีรสเย็นหอม รับประทานแล้วทำให้หัวใจชุ่มชื่น หรือเอาใบสดมาคั้นน้ำรับประทาน ครั้งละ 2-4 ช้อนแกง 3. ใช้เป็นยาแก้เบาหวาน ใช้ราก 1 กำมือ ต้มน้ำดื่ม เข้าเย็น
น้ำกะทิ
http://www.katichaokoh.com/picture/image/Chaokoh-THai-Full-size.gif
           กะทิ (อังกฤษ: Coconut milk) เป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร มีลักษณะเป็นน้ำสีขาวข้นคล้ายนม ได้มาจากการคั้นน้ำจากเนื้อมะพร้าวแก่ สีและรสชาติที่เข้มข้นของกะทิมาจากน้ำมันมะพร้าวและน้ำตาลมะพร้าวที่อยู่ในเนื้อมะพร้าว โดยมีรสชาติมันและหวาน
          การทำกะทิ แก้ไข กะทิได้มาจากการนำเนื้อมะพร้าวที่ขูดแล้ว มาใส่น้ำอุ่นเล็กน้อยให้พอชุ่ม เคล้าให้ทั่ว และคั้นส่วนผสมผ่านกระชอนหรือผ้าขาวบาง น้ำกะทิที่ได้ในครั้งแรกนี้เรียกว่าหัวกะทิ น้ำกะทิที่ได้จากการคั้นครั้งที่สองหรือสามเรียกว่าหางกะทิ หัวกะทิจะเข้มข้นกว่าหาง และเป็นส่วนผสมหลักในการทำอาหาร อร่อย
การนำไปใช้ แก้ไข ใช้ได้มากมายหลายแบบ เช่น นำไปผัดกับพริกแกง ต้มพอเหนียวผสมเกลือทำหน้าขนม(บางที่ใช้แป้งข้าวโพดเพื่อให้เหนียวเร็ว)
กะทิสำเร็จรูป แก้ไข ในปัจจุบันมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์กะทิออกวางจำหน่ายแบบสำเร็จรูป ทั้งในรูปกะทิผง และผลิตภัณฑ์ยูเอชที เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน


บทที่ 3
วิธีการศึกษา วัสดุ-อุปกรณ์ และขั้นตอนการทำ
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZL9Afe5qzypWxLZ0yIOMpR9ZjGKlfq5BTciMUL3MLUsGZB2XnZ-wP6IpQJ4HAp3QwEuZyxQcdiN8fwaN4rjy6A05Jgp_eGgmeuFG_LZOZc0dwc3gWXHXU7RS8nu1hVc5qa5Uhkmdo0wKH/s1600/65.PNG
 วิธีการดำเนินงาน
 1. ครูชี้แจงและแจ้งวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้กิจกรรมการนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม
2. นักเรียนวิเคราะห์องค์ความรู้เพื่อกำหนดแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน
3. รวบรวมข้อมูลและสูตรการทำสังขยาฟักทอง
 4. ลงมือทำสังขยาฟักทอง
 5. นำสูตรที่ได้ไปเผยแพร่ตามเว็บต่างๆ
 6. สรุปผล การวัดและประเมินผล
วัสดุ-อุปกรณ์
 1. ฟักทอง
 2. กะลังมัง
 3. หม้อนึ่ง
4. กระชอน
5. มีด
6. เครื่องมือตีไข่

ส่วนผสมสังขยาฟักทอง
1. ฟักทอง (ลูกขนาด 700-800 กรัม) 1ลูก
 2. ไข่เป็ด4ฟอง (ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ฟักทองกี่ลูกเราก็เพิ่มไข่ได้)
3. กะทิ100 มล.
4. น้ำตาลปิ๊บ150 กรัม
 5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
 6. ใบเตย2-3 ใบ
 7. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
 วิธีทำ
https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xfa1/v/t34.0-12/12312446_899335133495903_229906098_n.jpg?oh=2f6311562fc125445ac7c75dcd716089&oe=56621867
1.            เจาะช่องด้านบนของฟักทอง แล้วคว้านเม็ดฟักทองออกให้หมดและนำไปล้างน้ำให้สะอาดจากนั้นคว่ำทิ้งไว้เพื่อให้น้ำแห้ง
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิธีทำสังขยาฟักทอง
2.            ตอกไข่ใส่ชามผสมแล้วตีให้เข้ากัน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิธีทำสังขยาฟักทอง
3.ใส่กะทิลงไป คนให้เข้ากัน
http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201211/03/51094825d.jpg
4.ใส่น้ำตาลปิ๊บ เกลือป่น และใส่ใบเตยลงไป
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิธีทำสังขยาฟักทอง
5.ใช้ใบเตยบีบไปเรื่อยๆจนน้ำตาลละลายและส่วนผสมเข้ากันดี
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิธีทำสังขยาฟักทอง
6. นำส่วนผสมที่ได้กรองผ่านกระชอนใส่ลงในฟักทอง (เหลือระยะห่างจากขอบประมาณ 1 นิ้ว) แล้วนำไปนึ่งประมาณ 45นาที หรือจนสังขยาสุก
http://2g.pantip.com/cafe/food/topic/D8496003/D8496003-0.jpg
7. ตัดแบ่งเป็นชิ้น จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ
บทที่ 4
ผลการศึกษาและอภิปรายผลการศึกษา
              จากการศึกษาและการลงมือปฏิบัติการทำฟักทองสังขยาตั้งแต่เริ่มต้นจนสามารถทำเองได้ใช้ระยะเวลาในการศึกษาประมาณ 1 วัน เมื่อเกิดความรู้ความชำนาญในการทำฟักทองสังขยาทั้งกระบวนการและขั้นตอนในการทำแล้ว กลุ่มผู้จัดทำสามารถทำเองได้โดยใช้เวลาว่างหลังเลิดเรียนหรือช่วงวันหยุด ยังทำให้มีแนวคิดในการที่จะสร้างรายได้โดยนำไปประกอบอาชีพและได้แนวทางในการนำไปสู่การดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างสันติสุข กลุ่มผู้จัดทำได้นำฟักทองสังขยาที่ทำแล้วให้คณะครู และนักเรียนลองชิมดูเพื่อประเมินผลที่ได้จากการศึกษาตามตารางดังต่อไปนี้
ตารางที่ 1 ตารางการประเมินผลการให้คะแนนจากจำนวนผู้เข้าร่วม
                 ระดับการให้คะแนน
                                 5     หมายถึง     ดีเยี่ยม
                                 4     หมายถึง     ดีมาก
                                3      หมายถึง     ดี
                                2      หมายถึง     พอใช้
                                1      หมายถึง     ควรปรับปรุง







ลำดับที่
รายการ
ผู้ประเมินคนที่
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
รวม
คิดเป็นร้อยละ
1
ขนาด รูปร่างของขนม












2
สีของขนม












3
รสชาติของขนมฟักทองสังขยา












4
กลิ่นของขนมฟักทองสังขยา












5
จำหน่ายตามท้องตลาดชิ้นละ 20 บาท












รวม













จากตารางข้างต้นพบว่า ผลจากการให้คะแนนของจำนวนผู้เข้าร่วมชิมทั้งคณะครูและนักเรียน ผลปรากฏว่าคะแนนทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 100 จากผู้เข้าร่วมประเมินทั้งหมดจำนวน 10 คน

ตารางที่ 2  ตารางการแสดงการให้คะแนนระดับคุณภาพของฟักทองสังขยาโดยคิดเป็น     จำนวนคน
                  เกณฑ์การวัดระดับคุณภาพ
                1.00-1.90       หมายถึง       ควรปรับปรุง
                1.91-2.90       หมายถึง       พอใช้
                2.91-3.90       หมายถึง       ดี
                3.91-4.90       หมายถึง       ดีมาก
                4.91-5.90       หมายถึง       ดีเยี่ยม
ลำดับที่
รายการ
ระดับคุณภาพ/จำนวนผู้ประเมิน(คน)
รวมคะแนน
ระดับคุณภาพ/คิดเป็นค่าเฉลี่ย





1
ขนาด รูปร่างของขนม







2
สีของขนม







3
รสชาติของขนมฟักทองสังขยา







4
กลิ่นของขนมฟักทองสังขยา







5
จำหน่ายตามท้องตลาดชิ้นละ 20 บาท







รวม








      จากตารางพบว่า คะแนนการวัดระดับคุณภาพของฟักทองสังขยาจากจำนวนผู้เข้าร่วมประเมินได้ค่าเฉลี่ย...
ตารางที่ 3    ตารางสรุปเกณฑ์การวัดระดับคุณภาพของขนมหวาน
ลำดับที่
รายการ
ระดับคุณภาพ(คิดเป็นร้อยละ)





1
ขนาด รูปร่างของขนม





2
สีของขนม





3
รสชาติของขนมฟักทองสังขยา





4
กลิ่นของขนมฟักทองสังขยา





5
จำหน่ายตามท้องตลาดชิ้นละ 20 บาท





สรุประดับคุณภาพของขนม

          จากตารางการหาระดับคุณภาพของขนมหวานที่กลุ่มผู้จัดทำได้ทำขึ้นมา โดยได้รับการประเมินจากคณะครูและนักเรียนในโรงเรียนนั้น สรุปได้ว่าในภาพรวมของการประเมิน ขนาด รูปร่าง ลักษณะของขนม สีของขนม รสชาติของขนม กลิ่นของขนมและการสามารถนำไปจำหน่ายตามท้องตลาดชิ้นละ 20 บาท นั้นอยู่ในเกณฑ์.............และสามารถที่จะไปขายสู่ท้องตลาดได้อย่างดี




บทที่ 5
สรุปผลการศึกษา
       วัตถุดิบที่ใช้ทำสามารถหาได้ง่ายที่อยู่ตามท้องถิ่น คือ ฟักทอง ไข่เป็ด ใบเตย น้ำกะทิ         น้ำตาลปิ๊บ ซึ่งเป็นอาหารที่มีประโยชน์ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบในการทำก็สามารถหาได้จากครัวเรือนทำให้กลุ่มผูจัดทำรู้จักกระบวนการและขั้นตอนในการทำฟักทองสังขยา โดยทำให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจและได้ซื้อไปรับประทาน โดยการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้รสชาติอร่อยอีกทั้งได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ประการที่สำคัญที่สุดคือ สามารถสืบสานการทำขนมโบราณซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์และเทิดทูนภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยให้ลูกหลานได้เกิดความภาคภูมิใจในคุณค่าและสร้างความสุขร่วมกันให้แก่สังคมไทยให้เกิดความเข้มแข็งแก่ชุมชน สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้สูงอายุและเยาวชนไทย
ประโยชน์ที่ได้จาการทำฟักทองสังขยา
1.ได้รู้จักการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
 2.ได้ศึกษาเรียนรู้สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น
 3.ได้เรียนรู้วิธีการในการหารายได้เสริม สอดคล้องกับหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
4.ได้รู้จักกระบวนการและขั้นตอนการทำฟักทองสังขยา
5.ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อย ได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าและมีประโยชน์









บรรณานุกรม

https://www.google.co.th